แบ๊คแพ๊คไปเที่ยววังเวียงหน้าหนาว ด้วยเงินติดตัว 3,500 บาท
เกี่ยวก้อย ขอเริ่มต้นจากการที่ได้ยินคำล่ำลือถึงดินแดนแห่งความฝัน วิถีชีวิตแบบใกล้ชิดธรรมชาติ ชื่อของวังเวียง ทำให้เราสนใจอยากเดินทางไปหา และสัมผัสว่าบรรยากาศจริงๆ ที่เมืองวังเวียงนั้นว่าเป็นอย่างไร จึงตัดสินใจรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ 6 คน ว่าเราจะไปเที่ยววังเวียงกันปลายเดือน ธันวาคม
ว่าแล้วขอเริ่มเล่าให้ฟังเลยละกันนะคะ
อันดับแรกไปทำพาสปอร์ตค่ะ ใช้บัตรประชาชน และหน้าสวยๆ ไปทำพาสปอร์ต ณ กองหนังสือเดินทาง ศาลากลางประจำจังหวัด ชำระค่าธรรมเนียม 1,000 บาท และ ค่าส่ง Ems 40 บาท รวมเป็น 1,040 บาทจ้า
***พาสปอร์ตสำคัญมากค่ะ เพราะการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองวังเวียง นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องมีพาสปอร์ตทุกคนนะคะ ใครไม่มี ถ้าลักลอบไปได้ เจอตำรวจท่องเที่ยวเข้า ถูกปรับวันละเป็นพันนะเทอ
ก่อนไปเราก็มาวางแผนกันก่อนว่าเราจะ ไปกันกี่วัน? ไปยังไง? พักที่ไหน? ไปทำอะไรบ้าง? แล้วก็เซตโปรแกรมกันคร่าวๆ ซึ่งก่อนอื่น เรารู้แล้วว่าวังเวียงต้องเดินทางจากเมืองเวียงจันทน์ไป เป็นระยะทาง 176 กม. ซึ่งใช้เวลานั่งรถโดยสารประมาณ 6-7 ชม. แล้วแต่สภาพอากาศและถนนหนทาง ซึ่งแน่นอน จะต้องมีทางขึ้นเขาช่วงนึง ซึ่งรถวิ่งเร็วมากไม่ได้ แต่ช่วงนี้ถนนไปวังเวียงดีขึ้นมากแล้วค่ะ การเดินทางสะดวกขึ้น ดังนั้นแน่นอน วันแรกที่เรากำหนดต้องหมดไปกับการเดินทางแน่ๆ เพราะฉะนั้นโปรแกรมเที่ยวส่วนใหญ่ของเรา จะต้องตกไปอยู่ที่วันที่สองเต็มๆ วัน แล้ววันที่สามนั่นคือการเดินทางกลับนั่นเอง โปรแกรมแบบนี้คือ 3 วัน 2 คืน ซึ่งแน่นอน มนุษย์เงินเดือนที่มีเวลาจำกัดอย่างเรา ต้องอาศัยวันหยุดยาว ซึ่งส่วนใหญ่จะได้ 3 วันนั่นเอง
1. ไปกี่วัน? ตอบ 3 วัน 2 คืน
2. ไปยังไง? ตอบ รถโดยสารป.1 บขส.หนองคาย รถออก 8.30 น.
3. พักที่ไหน? ตอบ เราจองเฮือนภูบานติดริมน้ำซอง มีสะพานไม้ด้านหน้าเพื่อเดินเล่นข้ามไปอีกฝั่งได้ ได้เบอร์โทรคนรู้จักที่เคยมาพัก โทรจองห้องติดริมน้ำ ราคาด้วยอัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้น ประมาณ 1,300 บาท/ห้อง โอนชำระเงินเป็นการจองห้อง เจ้าของเค้ามีบัญชีเงินฝากธนาคารไทยค่ะ (ในห้องมีเตียงใหญ่ และเตียงเล็ก นอนได้3คน) มีทีวี แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น สบู่ ผ้าเช็ดตัว มีน้ำดื่มให้สองขวด แต่ไม่มีตู้เย็น ซึ่งเราไม่เน้น เพราะวิวดีชนะใจจ้า
4. ไปทำอะไรบ้าง? ตอบ สิ่งที่เราตั้งใจไว้คือไฮไลท์ต่างๆ ที่ได้ยินได้ฟังมา มีดังนี้
(1) ถ้ำจัง (อยากถ่ายรูปกับสะพานสีส้ม และพิชิตบันไดขึ้นถ้ำ 147 ขั้น)
(2) ถ้ำปูคำ (อยากปีนขึ้นไปบนถ้ำตามหาปูคำ ซึ่งน้อยคนที่จะได้เจอปูตัวเป็นๆ)
(3) บลูลากูน (อยากโดดน้ำบลูลากูน แต่เอาเข้าจริงใจไม่กล้าพอค่ะ ได้แต่ยืนดูคนอื่นเค้าโดดกัน)
(4) ถ้ำช้าง (ไปไหว้รอยพระพุทธบาท และชมหินงอกรูปช้าง)
(5) ถ้ำน้ำ (ไปนอนลอยห่วงยางลอดถ้ำน้ำกัน)
(6) พายเรือคะยัค ล่องน้ำซอง เอาสักระยะทาง 6 กม. เบาๆ กะพอ อิๆ
(7) น้ำตกแก้งหยุย (หน้าหนาวตัดทิ้งไปได้เลยนะคะ น้ำแห้งไม่มีเหลือ)
มาเซตโปรแกรมคร่าวๆ กันก่อน
วันแรก ออกเดินทาง 8.30 ไปถึง 16.00 น. เช็คอินเข้าที่พัก แล้วเหมารถไปเที่ยวถ้ำปูคำ บลูลากูน เย็นเดินเที่ยวในเมือง
วันที่สอง 8.00 น. เช้าถ้ำจัง แล้วไปต่อถ้ำช้าง ถ้ำน้ำ บ่ายพายเรือคะยัคถึงที่พัก เล่นน้ำ พักผ่อน หรือเดินเที่ยวในเมืองต่อ
วันที่สาม 7.00 น. เดินทางกลับโดยรถบขส. ถึงด่านหนองคาย 15.00 น.
—————————————
การเตรียมตัวก่อนเดินทาง
1.การแลกเงินกีบ ที่ด่านถ้าหากคนไม่เยอะ เราก็แลกได้ อัตราแลกเปลี่ยนเงินกีบ
ประมาณ 233 กีบ/1บาท หากไม่มีเวลาได้แลกจริงๆ ใช้เงินไทยได้คะถ้าไม่ซีเรียสว่าขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเพราะบางร้านคิดแพงกว่าอัตราก็เยอะ ถ้าแลกไปได้ ก็ช่วยประหยัดได้มากค่ะ
2. เสื้อผ้าสำหรับสองสามวัน เสื้อแขนยาวกันหนาว หมวก แว่นกันแดด เวลาเล่นน้ำ พายเรือ ถึงจะอากาศหนาว แต่แดดก็ใช้ได้เลยนะ
3. รองเท้าสำหรับ ปีนเขา และลุยน้ำได้ ซองมือถือกันน้ำ
4. ของใช้ส่วนตัวถ้าเตรียมไปด้วยจะดีกว่าเพราะของที่ลาวส่วนใหญ่นำเข้าจากไทย ราคาแพงเป็น 2-3 เท่า และอย่าลืมยารักษาโรคประจำตัวที่จำเป็นนะคะ
5. ปลั๊กราง (เครื่องใช้ไฟฟ้าใช้ปลั๊กเหมือนกันกับบ้านเรา) เอาไว้ชาร์ทแบตกล้อง แบตโทรศัพท์มือถือ เพราะที่โรงแรม ปลั๊กน้อยจะแย่งกันใช้เปล่าๆ
จากนั้นก็รอๆๆ ถึงเวลาเดินทางแล้ว ก็ไปกันเล้ย!!!!! Let’s go

วันแรก
05.30 น. ตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัว แอบไปทานข้าวเปียกก่อนมาถึงบขส. เคาเตอร์ขายตั๋ววังเวียงที่บขส.เปิด 6.00 น. มารอซื้อตั๋วเป็นคนแรกเลย ราคาตั๋ว 270 บาท วันหยุดจ่ายค่าโอทีเพิ่ม 5 บาท ใช้พาสปอร์ตยื่นซื้อตั๋วนะคะ
8.00 น. รถมาถึงก่อนเวลาออก แต่ก็ต้องรีบขึ้นรถเลยนะ พร้อมแล้วก็ออกเลย ยังไม่ทัน 8.30 ด้วยซ้ำค่า
8.30 น. พนักงานรถแจกเอกสารตม.ไทย และลาว รถไปส่งเราที่ด่าน โดยที่รถข้ามไปรออีกฝั่ง เมื่อเรายื่นเอกสารผ่านแดนเรียบร้อยแล้ว เสียค่าตั๋ว E-ticket 55 บาท ก็ขึ้นรถเตรียมตัวเดินทางเลยจ้า
12.00 พักทานอาหารที่จุดพักรถ ก่อนขึ้นเขา มีห้องน้ำสะอาดหลายห้อง และอาหารจะเป็นเฝอ ราคาตามนี้ เป็นเงินไทยชามละ 80 บาท น้ำเปล่า 20 บาทค่ะ
16.00 น. ถึงเมืองวังเวียง รถบัสไปส่งลงที่บขส. จากนั้นจะมีรถสองแถวไปส่งฟรีในเมืองวังเวียง
พอรถไปส่งในเมืองวังเวียง จริงเราต้องเดินต่อไปยังที่พักของเราซึ่งก็เดินออกจากที่รถจอดมาประมาณ 500 เมตร แต่ไหน ๆ ก็จะได้เหมารถไปเที่ยวถ้ำปูคำอยู่แล้ว เลยจ้างรถสองแถวเล็กไปส่งที่เฮือนพักแล้วให้พาไปถ้ำปูคำต่อเลย ต่อราคาเหมาได้ 500 บาทไทย (เฉลี่ยคนละ 83 บาท) เมื่อรถสองแถวพามาถึงเฮือนภูบานจ้า เช็คอิน เก็บของเข้าห้อง เห็นวิวแล้วชื่นใจ หายเหนื่อยอย่าบอกใครเล้ย
จากนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราก็ดำเนินตามโปรแกรมต่อกันเลยจ้า รถสองแถวพาออกไปถ้ำปูคำและบลูลากูนกันเล้ยค่าข้ามสะพาน คนละ 2,000 กีบ ประมาณ 9 บาท ค่าเข้าถ้ำปูคำและบลูลากูน คนละ 16,000 กีบ ประมาณ คนละ 70 บาท
เที่ยวกันจนถึง 18.00 น. ก็ได้เวลากลับเข้าเมืองไปหาอะไรหม่ำมื้อเย็นกันแล้ว มื้อนี้ขอแก้หนาวด้วยหมูกระทะกันหน่อย หมดไปเฉลี่ยคนละ 200 บาท จากนั้นต่อด้วยของหวานขณะเดินกลับที่พัก โรตีใส่นมใส่ไข่ เป็นเงินไทย 40 บาทจ้า
เดินเล่นไปมา ผ่านซากุระบาร์ ร้านขึ้นชื่อในเมืองวังเวียง แอบเข้าไปส่องนิสนึง แต่ไม่ใช่แนวเลยกลับห้องนอนดีกว่า
วันที่สอง เช้าๆ ทานมื้อเช้าเสร็จแล้วออกเดินเล่นหน้าห้องพักสูดอากาศอันสดชื่นกันค่ะ
เดินไปในเมืองวังเวียงเพื่อซื้อ one day trip สำหรับวันนี้ คนละ 400 บาทไทย ระหว่างทางเดินไปติดต่อ แอบไปดูรายการของกินตอนเช้ามาด้วย เอ๊ะ เพิ่งทานข้าวเช้ามานินา อิๆๆๆ
จากนั้นรถก็มารับเรา แน่นอนโปรแกรมแรก ขอให้พาไปถ้ำจังก่อนเลยเพราะอยู่ใกล้สุดใช้เวลาเดินทางไม่นานค่ะ แต่ว่าไปถึง เราต้องจ่ายค่าข้ามสะพานเองคะ คนละประมาณ 9 บาท ค่าขึ้นบันไดไปบนถ้ำอีก คนละประมาณ 70 บาทค่ะ ไม่ได้รวมในวันเดย์ทริป เพราะตัวนี้เป็นขอเพิ่มให้เค้าพามา (เค้าเพิ่มค่ารถ 500 บาท เฉลี่ยคนละ 83 บาท)
เราออกจากที่พักเพื่อมาถ้ำจังจาก 8.00 น. จนถึง 10.00 น. ก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยังถ้ำน้ำ ถ้ำช้างกันแล้วค่ะ ไปกันต่อเลยนะ นั่งรถอีกประมาณ 30 นาทีค่ะ
ก่อนจะไปถ้ำน้ำเราแวะไหว้พระถ้ำช้างก่อน ชมหินงอกรูปช้าง และเดินทางต่อลัดทุ่งนาประมาณครึ่ง กม. ค่ะ
เดิน ๆ ๆ และเดิน
ถึงถ้ำน้ำแล้ว ก็ได้นอนลอยห่วงยางลอดถ้ำกันสมใจ
12.00 น. รับประทานอาหารแบบปิคนิค ซึ่งพนักงานเค้าจัดเตรียมมาให้จะมีข้าวผัด บาร์บีคิว ข้าวจี่ลาว กล้วยน้ำว้า และน้ำเปล่า
หลังจากรับประทานอาหาร สักพักก็ได้เวลาเดินกลับทางเดิม แล้วก็ขึ้นรถต่อไปอีกยังจุดปล่อยเรือคะยัค เราเลือกระยะทาง 5 กม. เบา ๆ ก่อนเริ่มออกเรือ ใส่เสื้อชูชีพ และเรียนรู้การใช้อุปกรณ์กันก่อน
เข้าใจแล้วก็ไปกันเล้ย
ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. ในการพายเรือ ซึ่งแวะพักกลางทางบริเวณบาร์น้ำ เมื่อถึงฝั่งที่พักแล้วก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พักผ่อนกันก่อนหาไรหม่ำตอนเย็นค่ะ
18.00 หิวแล้ว ๆ วันนี้เราไปทานส้มตำ คอหมูย่าง ร้านที่อยู่เลยวัดไปสักหน่อย ใกล้ๆ กับร้านหมูกระทะเมื่อวาน ร้านนี้ถูกดี เฉลี่ยคนละ 150 บาท
ได้เวลาเดินเล่น เดินย่อยกันเข้าที่พัก กันคะเหนื่อยมาท้างงงวัน
วันที่สาม 7.00 น. เรียกรถสองแถวเล็กไปส่งที่บขส. ราคา 200 บาท (เฉลี่ยคนละ 33 บาท)
แต่ช่วงนี้นักท่องเที่ยวเยอะมากรถมีไม่พอ เราเลยไม่ได้กลับรถบัสไทย เป็นรถบัสลาว แบบแอร์ธรรมชาติกันเลย แออัดอย่างที่เห็น ราคาตั๋ว 275 บาท เท่ารถแอร์เลยทีเดียว
รอบนี้รถไม่จอดให้ทานข้าวเลยดีนะที่เราซื้อเบอร์เกอร์ขึ้นรถเตรียมรองท้องกัน ราคาชิ้นละ 80 บาทไทยค่ะ รวมน้ำดื่ม 20 รวมมื้อนี้ทานบนรถคนละ 100 บาทค่ะ
รถบัสส่งเราถึงด่านลาว จากนั้นเราต้องนำกระเป๋าลงจากรถเพื่อข้ามด่าน ซื้อตั๋ว E-ticket 55 บาท จากนั้น ซื้อตั๋วรถข้ามสะพานมาฝั่งไทย คนละ 20 บาท
แล้วเราก็เดินทางถึงฝั่งไทยโดยสวัสดิภาพ มาแจกแจงค่าใช้จ่ายทั้งทริป 3 วัน 2 คืน เริ่มจาก บขส. หนองคายกัน
1. ค่าห้องพัก 2 คืน (พักห้องละ2คน) เฉลี่ยคนละ 1,300 บาท
2. ค่ารถบัสไปกลับวังเวียง 275×2 = 550 บาท
3. ค่าตั๋ว E-ticket ข้ามด่าน 55 x 2 = 110
4. ค่าอาหารรวม 630 บาท
5. ค่ารถสองแถวเฉลี่ยต่อคน 199 บาท
6. ค่ารถข้ามสะพานกลับมาฝั่งไทย 20 บาท
7. ค่าข้ามสะพานสถานที่ท่องเที่ยวและตั๋วเข้าชม 158 บาท
8. ค่า one day trip 400 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อคน 3,367 บาท เงินติดตัว 3,500 บาท คงเหลือ 133 บาท จ้าาาา
กลับมาด้วยความสนุกสนาน ประทับใจ และสบายกระเป๋า
แล้วพบกันใหม่จ้าวังเวียง by เกี่ยวก้อย