วันนี้พลอยชิขอพาไปเช็คอินกันไกลปู๊นเลยค่ะ ไปใช้ชีวิตแบบ Slow Life บุกไปที่ที่กำลังมีกระแสในโซเชียล อย่างเมือง“วังเวียง” ประเทศลาวค่ะ ที่เค้าบอกว่าที่นี่เนี่ยเป็น “กุ้ยหลินของเมืองลาว” ซะด้วย พลอยชิไม่รอช้า จองตั๋วรถทัวร์มันเลยค่ะ นั่งยาวๆไปลงอุดรธานี ต่อรถราหลายต่ออยู่เหมือนกัน แต่ไปถึงบอกเลยว่าคุ้ม!!! ธรรมชาติสุดๆทั้งบรรยากาศริมแม่น้ำซอง ภูเขา บอลลูน โอ๊ยยยยดี๊ดี! อยากจะเอาเท้าจุ่มน้ำมันทั้งวันไปเลย!!!! แถมยังมี “บลูลากูน” ซะด้วย เลยตัดสินใจไปกันอย่างไม่รอช้า><
• พิกัด : วังเวียง ประเทศลาว
• ระยะทาง : 798 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ
• ระยะเวลาการอยู่ 5 วัน 3 คืน กำลังดี : เดินทาง 2 วัน ใช้ชีวิต 3 วัน
• สิ่งที่ต้องใช้ : *Passport* , เงิน (แนะนำให้ไปแลกเงินที่ลาวเลย แล้วไม่ต้องแลกเยอะมากนะ ค่าเงินไม่ต่างกันมากคิดไปคิดมาจ่ายเงินไทยคุ้มกว่า) , ผ้าปิดปาก , ยาดม , ซองกันน้ำ ,เอาห่วงยางมาเองก็เก๋ไปอีกแบบ
• ค่าเงิน : กี่กีบก็ตาม เอาไปตั้งหาร 250 จะได้ราคาเงินไทย
• การเดินทาง : อยากประหยัดหน่อยก็นั่งรถทัวร์ หรือ อยากประหยัดเวลาก็จองตั๋วเครื่องบินแต่เนิ่นๆเลย เผลอๆอาจได้ตั๋วถูกกว่ารถทัวร์นะเออ
– ถ้าเลือกรถทัวร์ >> ให้เลือกจองตั๋วที่เป็นตอนกลางคืน จะได้นอนไปยาวๆแบบไม่เสียเวลา ราคาเที่ยวละ 500-700 บาท (ไป-กลับไม่เกิน 1,300 บาท) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง สามารถไปลงได้ทั้งที่ จังหวัดอุดรธานีหรือหนองคาย >> แต่แนะนำให้ไปลงจังหวัดอุดรธานีมากกว่า เพราะตรงนั้นจะมีรถให้เลือกมากกว่า เจริญกว่า
เริ่มเดินทาง!! :
กรุงเทพ -> ขนส่งอุดรธานี (หรือถ้าใครมาโดยเครื่องบินก็จะมีรถมาขนส่งจ้า)
-> จากขนส่งอุดรธานีจะมีรถบัสจากที่นั่นไปถึงวังเวียงเลย (แต่ทางเลือกนี้มีรถออกแค่ช่วง 08.30น. จำกัดคนต่อวัน (ราคา 320บาท) รถออกตรงเวลานะจ๊ะ* **ตรงนี้ใช้ Passport ในการซื้อตั๋วด้วยนะ**
>>หากใครไปช่วงหน้าเทศกาล แนะนำให้อีกทางเลือก ตรงนั้นจะมีรถตู้ 50บาทต่อหัว ไปลง จังหวัดหนองคาย
(ใครจะไปรถบัสต้องไปเร็วมากๆ รถมีแค่วันละเที่ยวเท่านั้น ใครที่ตกรถตรงนี้ นั่งรถตู้โลด หรือนั่งรถไปลงเวียงจันทน์ก่อนก็ได้ก็จะมีรถไปถึงวังเวียงเลย ที่เวียงจันทน์จะมีรถให้เลือกเยอะกว่า)
-> จากจังหวัดหนองคายจะมีรถบัสให้นั่งต่อ ราคา 25 บาทไปลงตม.ไทย ข้ามไปลาว
-> จ่ายค่าผ่านทาง 45 บาท (One Way Ticket)
->จากตม.ไทย จังหวัดหนองคายจะมีรถบัสไปถึงวังเวียง หรือหากมากันหลายคนสามารถเหมารถตู้ไปถึงวังเวียง ราคา 3,500บาท ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลราคา 2,700-3,000บาท) นั่งได้ 10 คน
->ใช้เวลาเดินทางจากอุดรมาวังเวียงประมาณ 6-7 ชั่วโมง เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยว เพราะรถต้องวิ่งบนสันเขา เส้นทางที่ไปนี่ข้างขรุขระ เป็นหลุมใช้ได้ แต่เห็นวิวรอบๆก็โอเคอยู่ๆ
• ที่เที่ยว :
วันที่ 1 : เดินเที่ยวเมือง (หรือขี่จักรยาน) / บาร์น้ำ / จองทัวร์เที่ยว
เอาจริงๆวันแรกที่ไป กว่าจะเดินทางถึงวังเวียงก็ประมาณ 13.00-14.00น.แล้ว (ถึงแม้ว่าจะออกเช้าก็ตาม) วันแรกคือวันเช็คอินโรงแรม และเดินเล่นตลาด ชมวิถีชีวิตคนลาว
• ที่แนะนำว่าต้องไปเลยก็คือ “บาร์น้ำ” ริมแม่น้ำซอง เค้าจะมีแคร่ไม้ไผ่ให้นั่งเป็นบาร์ เป็นกระท่อมๆ เราสามารถนั่งจิบเบียร์ / ทานส้มตำ เอาเท้าจุ่มน้ำ หรือนั่งมันในแม่น้ำ คลายร้อนได้เลย
• สะพานไม้ตรงริมแม่น้ำซองก็เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยใช้ได้เลย ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ตกด้วยนี่ เพอร์เฟ็คต์!
ตอนที่ไปเป็นช่วงบั้งไฟของที่นู่นพอดี(วันที่ 2 พ.ค.58) เลยมีภาพสวยๆมาฝากนิดหน่อย แต่แดดจ้ามากๆเลยได้มาเท่านี้ ประเพณีแห่บั้งไฟของที่นี่คือผู้ชายจะแต่งตัวเป็นผู้หญิง ทาตัวดำ แห่บั้งไฟไปรอบๆเมือง มีตีกลองเหมือนแห่นาค และจะมีจุดปล่อยบั้ง โดยตรงจุดนี้เค้าจะจัดเป็นงานแห่บั้งไฟเลย เป็นงานวัดย่อมๆ มีม้าหมุน มีคอนเสิร์ตท้องถิ่น มีรำวงหน้าเวที มีอาหาร / ขนมปิ้งๆขาย เช่น บาบีคิว , แป้งจี่ , มันเผา ที่สนุกคือดูบั้งไฟแต่ละอันขึ้นบนฟ้าเพลินๆ มีบ้างบางอันที่ปล่อยแล้วระเบิด (อันนี้แนะนำอย่าอยู่ใกล้จุดที่เค้าปล่อยมากนะหนูๆ อิอิ)
• เรื่องโรงแรม : สามารถจองได้จากเว็บไซต์จองโรงแรมทั่วไป อย่างเว็บ booking.com , agoda หรือเว็บไซต์อื่นๆก็ได้ ไม่แนะนำให้จองเว็บไซต์ของลาว เพราะที่เจอมากับตัวก็คือจองแล้วพอไปถึงเค้าไม่รับเรื่องว่าจอง (อันนี้แล้วแต่ดวงจริงๆ หากใครจองล่วงหน้านานๆ ก่อนออกเดินทาง 2-3วัน เช็คดูให้ดีๆนะ เพราะบางโรงแรมอาจเอาชื่อที่เราจองออก)
– โรงแรมที่เรานอนคือ Riverview Bungalow อันนี้ฮิตในพันทิปสุดๆ มันจะอยู่ติดน้ำเลย วิวดี และใกล้แหล่งเมืองสุดๆ
บ้านหลังคาน้ำตาลนี่แหละบังกะโลที่พวกเรานอน อิอิ
+++ช่วงเย็นๆก็ไปหาทัวร์เพื่อเที่ยวในวันถัดไป จะมีทัวร์ให้ซื้อหลายที่เลย ที่เราหาได้คือ ราคา 90,000 กีบ ต่อคน (360 บาท) พาล่องห่วงยางลอดถ้ำน้ำ และพายเรือคายัก รวมอาหารกลางวันด้วย (เป็นบาร์บีคิว ขนมปัง และข้าวผัด)
วันที่ 2 : เยือนตลาดเช้า / ลอยห่วงยางลอดถ้ำน้ำ / พายเรือคายัค / Sakura Bar
-> ตื่นเช้าหน่อยเดินจากในเมืองออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร (หรือนั่งรถกระป๊อไปก็ได้ หัวละ 40บาท) จะมี “ตลาดเช้า” ของเมืองวังเวียง ขายผัก / ของสด / ของป่า / ของปิ้ง / ซาลาเปาทอด หรือขนมแปลกๆของเมืองลาว ถ้าอยู่ถึงประมาณ 8-9โมงก็จะเห็นบอลลูนลอยอยู่บนลอยฟ้า บรรยากาศดี
->ทัวร์นัด 9.30น. ออกตรงเวลา เค้าจะพาไปรวมกลุ่มให้ครบประมาณ 15 คนต่อคัน เป็นรถ 2 แถว นั่งชมบรรยากาศมาเรื่อย ๆ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที รถก็จะมาจอดให้เราเดินต่อ
-> ที่แรกที่แวะก็คือ “ถ้ำน้ำ” ต้องเดินข้ามแม่น้ำซอง ผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ และทุ่งนาเข้าไป ประมาณ 1 กิโลเมตร ถึงจะถึงจุดหมาย!!!!
-> หากใครไปเที่ยวช่วงเทศกาลต้องรอต่อคิวนิดนึง เค้าจะให้ลอยห่วงยางเข้าไปข้างในประมาณ 20 นาที จะมีทั้งจุดที่ลอยเข้าไปและจุดที่เดินได้ ไปและกลับทางเดิม มันสนุกตรงที่พอเราสวนกับกลุ่มที่เข้ามาใหม่จะมีธรรมเนียมรับน้องตีขาสาดน้ำใส่กันนี่แหละ! มันส์!!!!
-> ออกมาก็จะมีข้าวผัดที่ทางทัวร์เตรียมไว้ให้ 1 กล่อง ขนมปัง 1 ก้อน และบาร์บีคิว
-> กิจกรรมอื่นๆ ใครอยากจะโรยตัวด้วยเคเบิลก็มีนะ น่าสนุกใช้ได้ ค่าเล่นตกคนละประมาณ 700-800 บาท
ออกมาข้างนอกก็จะเจอ “ถ้ำช้าง” อยู่ระหว่างทางออก ให้ถ่ายรูปด้วย
-> ถึงเวลา “ล่องเรือคายัค”!!!!! นั่งรถไป 10 นาที ก็จะถึงจุดปล่อยเรือลงน้ำ ระยะทางจากตรงนี้ไปที่ปลายทางประมาณ 8 กิโลเมตร เค้าจะให้นั่งลำละ 2-3 คน ถ้าใครพายไม่เป็นจะมีไกด์พายให้ หรือถ้าใครอยากพายเอง ไกด์ก็ยินดีพายเรืออีกลำคอยดูแลกรุ๊ปพวกเรา
-> เราจะได้พายไปเรื่อยๆตามแม่น้ำซอง ความสนุกก็คือ การพายไปสาดน้ำใส่เรือลำอื่นๆนี่แหละ ได้คลายร้อนกันไป~ แล้วบอกเลยว่าวิวที่ได้เห็นระหว่างทางพายไปแม่น้ำซองนี่สวยจริง ๆ ธรรมชาติสุดๆ มีป่า มีลำธาร ได้ชมวิถีชีวิตคนลาวเพลินๆ
-> ล่องไปประมาณ 20นาที ไกด์ก็จะพาแวะบาร์ริมน้ำ มีจุดจอดเรือจัดไว้ดิบดี ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดที่น่าสนใจ เพราะเป็นบาร์ที่เต็มไปด้วยฝรั่ง!!! มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็น เล่นบาส , มวยทะเล , ปิงปอง , เกมเบียร์ปอง (โยนปิงปองลงแก้วอีกฝั่ง ใครแพ้ดื่มเบียร์)
-> ตกดึกก็ออกไปเย้วซักหน่อยดีกว่า พวกเราเลยไปบาร์ยอดฮิตในเน็ตอย่าง “Sakura Bar” เป็นบาร์ของฝรั่ง วันที่ไปบังเอิญจริงๆ เค้ากำลังมีโปรโมชั่น Free Drink แจกเหล้าฟรี 1 ชั่วโมงซะด้วย (ช่วง 20.00-21.00น.) จะบอกว่าสนุกก็สนุก ได้รู้จักเพื่อนต่างชาติใหม่ๆ ถือว่าได้ฝึกภาษาไปในตัว 55555 แต่บอกไว้ก่อนว่าตามกฎหมายลาวผับเค้าปิดเที่ยงคืนนะจ๊ะ หลังเที่ยงคืนไปแล้วอยู่ในผับได้แต่ไม่มีเสียงเพลงแค่นั้น (เต้นเงียบมั้ยล่ะเพื่อน อิอิ)
วันที่ 3 : บอลลูน >< / บลูลากูน / ถ้ำจัง
บอลลูน
-> 06.00น. ได้เวลานัดขึ้นบอลลูนไปดูพระอาทิตย์ขึ้น บอลลูนนี่เราต้องซื้อกับทัวร์ สามารถจองก่อนล่วงหน้าได้ถ้ากลัวไปแล้วคิวขึ้นบอลลูนเต็ม เราจองผ่านเว็บ >> http://wonderfultours.la/ มีเจ้าเดียวในลาว
-> บอลลูนจะมี 2 รอบให้ขึ้นคือ เช้าและเย็น 06.00 และ 18.00น. เราไปช่วงเช้า ได้ดูขั้นตอนการเป่าลมเข้าบอลลูนด้วย โดยแต่ละเที่ยวจะใช้เวลาประมาณ 45 นาที บอลลูน 1 ลูกขึ้นได้ 8-10 คน
-> ราคา 80 USD ต่อคน(ประมาณ 2,500บาท) ราคานี้รวมรถมา รับ-ส่ง จากจุดปล่อยบอลลูนถึงที่พักในวังเวียงเลย ถือว่าถูกนะ ถ้าเทียบราคากับที่ประเทศอื่นที่นี่ถูกที่สุดแล้ว แต่บอกไว้ก่อนนะว่าไม่มี safety หรือประกันใดๆมีแต่ใจล้วนๆ ที่นี่เจ้าของเป็นคนจีน พนักงานบังคับบอลลูนก็เป็นคนจีนเช่นกัน
พระอาทิตย์ขึ้นพอดี เห็นบอลลูนอีกลำด้วย ><
เห็นเมืองวังเวียง เหมือน Google Map เลย555555
หวาดเสียววว
-> ความรู้สึกตอนบอลลูนขึ้นจะรู้สึกหวาดเสียวนิดๆ จุดนี้นี่แหละที่บอกให้เตรียมยาดม เพราะบางคนไม่คุ้นกับความสูงต้องมีร้องหายาดมกันบ้างล่ะ แนะนำให้มองไปรอบๆเลย วิวดีจริงๆ สวย!!! มีทั้งทิวเขา มีทั้งก้อนเมฆ เห็นเมืองรอบๆแบบ 360องศา ได้เห็นบอลลูนอีกลำ เพลินเลย แต่ก็แอบหวั่นๆไปด้วยเหมือนกันนะ ส่วนขาลง บอลลูนแต่ละลำจะลงคนละที่กันนะแล้วแต่ลำ เจ้าหน้าที่ก็จะมี walky talky ระบุพิกัดกันตลอด โดยจะมีกติกาในการลงจากบอลลูนก็คือ การออกแบบ 1 ต่อ 1 นะ ให้คนที่อยู่ในบอลลูนออกมาก่อนผลัดกันกับคนที่จะเข้าที่ต้องการขึ้นในรอบต่อไป สลับกันแบบนี้เรื่อยๆ เข้า 1 ออก 1 เพื่อรักษาสมดุลของบอลลูนด้วย
บลูลากูน
กลับจากบอลลูนก็ประมาณ 7 โมงกว่าๆ แวะทานข้าวเช้า แล้วก็หารถไปบลูลากูนกัน!!!! เราได้รถแบบเหมารถกะป๊อ ไปเที่ยวบลูลากูน – ถ้ำจังในราคา 800บาท (รถนั่งได้ 6คน) แนะนำให้ไปแต่เช้านะ เพราะคนจะได้ยังไม่เยอะมาก
นี่รถของพวกเรา!
• วิธีไปบลูลากูน / ถ้ำจัง
บางคนอยากเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ไปหรืออยากขี่จักรยานไป ทางไม่ไกลมาก สามารถทำได้ แต่ทางขรุขระมากและมีฝุ่นเยอะมากกกกกกก แนะนำขับรถดีกว่า ตรงนี้แหละที่ต้องใช้ผ้าปิดปากที่เตรียมมาสุดๆ ระหว่างทางก็จะได้เห็นทุ่งหญ้าและภูเขา ธรรมชาติสุดๆ นั่งรถไปประมาณ 30นาที ก็จะถึงบลูลากูน!
– ค่าเข้าบลูลากูนคนละ 10,000กีบ (40บาท)
– ไปถึงบลูลากูนจะเป็นแม่น้ำมีสะพานคั่นเป็น 2 ฝั่ง
-> มีจุดให้เล่นคือ
– จุดกระโดดน้ำ 2 ชั้น เป็นกิ่งไม้ใหญ่ให้ยืนกระโดดวัดใจ (เอาจริงๆก็หวาดเสียวทั้ง 2 ชั้นนั่นแหละ) แต่อยากให้ลองกันจริงๆ ครั้งหนึ่งในชีวิต!!!! ***ควรกระโดดทิ้งตัวลงมาแบบยืนตรงมือแนบลำตัว ให้ขาลงน้ำแบบดิ่งๆ เพราะแรงกระแทกจะทำให้เราบาดเจ็บได้ (งานขาจ้ำม่วงก็มานะจุดนี้ :’( )
– ตรงนี้ สำหรับคนว่ายน้ำไม่เป็นหรือต้องการจะเซฟ เค้ามีเสื้อชูชีพให้เช่าด้วยนะ 10,000 กีบ (40บาท) อยู่ได้ 2 ชั่วโมง
– ระดับไม่เสียวมากหน่อยก็มีจุดให้โหนเชือกแล้วกระโดดน้ำ (อันนี้ก็สนุก)
ถ้ำปูคำ
ตรงบลูลากูน ไต่เขาขึ้นไปหน่อย ประมาณ 1 กิโล ก็จะเจอ “ถ้ำปูคำ” ก่อนทางขึ้นมีจุดให้เช่าไฟฉาย 10,000กีบ (40บาท) จะมีให้เดินเข้าไปสำรวจถ้ำ เผชิญความมืดหน่อย ตามๆกันไป สนุกดีเหมือนกัน
ออกมาจากถ้ำอยากโดดน้ำต่อก็ได้ หรือจะแวะทานข้าวก็มีร้านอาหาร รวมถึงมีแคร่เป็นซุ้มให้นั่งทานส้มตำกันริมน้ำกันตามสบายเลย
ถ้ำจัง
ถ้ำจังจะอยู่แถวตัวเมืองวังเวียงเลย ใครอยากเที่ยวถ้ำจังสามารถปั่นจักรยานไปได้ ไม่ลำบาก ก่อนทางเข้าไปที่ถ้ำจะต้องผ่านแลนด์มาร์คก็คือ “สะพานสีส้ม” ใครมาเป็นต้องถ่ายรูปเช็คอิน เพราะตรงนี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำซองที่เห็นทั้งภูเขาและป่ารอบๆ รวมถึงมีต้นหางนกยูงสีแดงด้วย สวยใช้ได้
อยากขึ้นไปสำรวจถ้ำจัง ต้องเดินขึ้นบันไดไป สูงอยู่เหมือนกัน ภายในถ้ำเย็นเลยเหมือนติดแอร์ อิอิ – ตรงนี้ไม่ต้องใช้ไฟฉายจ้า – เค้ามีไฟในถ้ำ
ออกมาหน้าถ้ำ อันนี้ก็ถือว่าเป็นไฮไลท์เลยสำหรับเรา!!!!5555 เค้าจะมีน้ำตกอยู่ข้างหน้า ตรงนี้น้ำใสมาก!!!! จะมีถ้ำให้ลอดเข้าไป สามารถว่ายน้ำเข้าไปได้ ลึกอยู่เหมือนกัน (170ซม.ยืนไม่ถึง) แต่เข้าไปสุดทางจะมีตะแกรงให้เกาะ
ลอยห่วงยางล่องแม่น้ำซอง
ไฮไลท์อีกอย่างของเมืองวังเวียงก็คือการ “ล่องห่วงยางที่แม่น้ำซอง” เอาจริงๆมันดูชิลมากกกกก คือนั่งกินบรรยากาศรอบๆปล่อยตัวปล่อยใจให้แม่น้ำพาไหลไป แต่จากการสอบถามเพื่อนคนอื่นที่ได้ล่องก็คือ แม่น้ำมันยาวเหลื๊อเกิน มันเลยรู้สึกว่าการล่องไปมันจะนานมากๆ นานเกินไปจนเท้าเปื่อยและไม่ถึงซักที55555 และอาวุธที่ดีที่สุดนะจุดๆนั้นก็คือ รองเท้านี่แหละ ที่เป็นไม้พายชั้นดี :3
ถ้าจะให้แนะนำนะ คือพายเรือคายัคพร้อมกับเช่าห่วงยางไว้ล่องด้วย ไปกับเพื่อนก็ผลัดกัน อยากล่องห่วงยางตรงไหนก็ไปเลย เหนื่อยๆก็ขึ้นเรือพายเอา อย่างงี้ เวิร์ค!!!!
**แต่ข้อจำกัดก็คือ การเช่าห่วงยาง มีค่าเช่า 55,000 กีบ (220บาท) บวกค่ามัดจำ 60,000กีบ (240บาท) ถ้าเอามาคืนไม่ทัน 18.15น. จะเสียค่ามัดจำไปเลย ใช้เวลาลอยห่วงยางประมาณ 3 ชั่วโมง (เผื่อเวลาไว้หน่อยก็ดีนะ)
วันที่ 4 : บ๊ายบายวังเวียง มุ่งสู่เวียงจันทน์
การเดินทาง : มีรถตู้จากวังเวียงกลับถึงเวียงจันทน์เลย หาได้ในตลาดตัวเมือง(ที่เราหาได้ เสียคนละ 240บาท)
วันเดินทางกลับใครอยากแวะเมืองเวียงจันทน์ก็แวะโลดดด ที่เที่ยวก็จะมีตั้งแต่ ประตูชัย หรือประตูไซ , พระธาตุหลวง ค่าเข้าสำหรับชาวต่างชาติ 5,000 กีบ เปิดทุกวัน 8.00 – 12.00 น. และ 13.00 – 16.00 น. , หอพระแก้ว ค่าเข้าชาวต่างชาติ 5,000 กีบ เปิดทุกวัน 8.00 – 12.00 น. และ 13.00 – 16.00 น.
จากเวียงจันทน์มีรถทัวร์กลับขนส่ง แต่จะมีเป็นรอบๆนะ ใครจองตั๋วเครื่องบินไว้ รีบมาตรงนี้หน่อยก็ดี เพราะตั๋วมีเต็มจ้า จะมีรอบตั้งแต่ 8.00 / 09.00 /10.30 /11.30 /14.00 /15.00 /16.30 /18.00น. เท่านั้น อย่าเที่ยวเพลินจนลืมเวลากันล่ะ (ค่ารถทัวร์กลับ 24,000กีบ = 100บาท)
อาหารการกิน :
• ส้มตำ / ตำบักหุ่ง (ส้มตำที่นี่จะไม่มีถั่วฝักยาวหรือปูใดๆทั้งนั้น ถามแม่ค้าเค้าบอกว่าที่นี่ไม่มี ถ้ามีมันจะเสียรถชาติ แล้วเวลาทำเค้าจะใช้มีดสับๆๆๆๆเป็นฝอยเลย อร่อยใช้ได้)
• BBQ ไม้ละ 10,000 กีบ หรือ 40 บาท
• เฝอ หรือ ก๋วยเตี๋ยว
• ข้าวจี่ : หน้าตาเหมือนเบอร์เกอร์ มีหมูยอกับหมูหยองข้างใน ใช้ขนมปังบาร์แก๊ต หรือขนมปังแข็งๆ
• โรตี (มีให้เลือกเป็น 10 ร้าน แบบติดๆกัน – – )
• พิซซ่า
• หมูกระทะ
• แป้งจี่
• ลาบเนื้อ
• ชายสี่หมี่เกี๊ยวก็มีนะเออ
• ขนมครกลาว
ค่าใช้จ่าย : ใช้ไปทั้งหมด 8,700บาท คนที่ไม่ขึ้นบอลลูน 6-7,000 ก็อยู่แล่ว
– เสียค่ารถทัวร์ไปประมาณ 1,200บาท
– ค่าที่พัก : 3 คืน 1,433บาท (ตกคืนละ 500 บาท นอน 2 คน)
– ค่าทัวร์ One Day Trip 360 บาท
– ค่าบอลลูน : 2,560 บาท (80 USD)
– ค่ากิน / อยู่ / เดินทางอื่นๆที่ไม่ใช่รถทัวร์ : 3,500 บาท
ข้อแนะนำ :
– เวลาซื้อของแล้วอยากรู้ราคา ควรถามว่า “เท่าใด๋?” ด้วยสำเนียงลาว จะเวิร์คกว่า (อันนี้คิดเอง) จะได้ไม่โดนโก่งราคานะ อิอิ
– สามารถใช้จ่ายเงินไทยได้เลย ค่าเงินห่างกันไม่เท่าไหร่ ถ้าแลกก็แลกไปซัก 2,000 ก็ได้ เพราะแลกคืนจะได้เงินน้อยกว่า เราสามารถแลกเงินได้ตามร้านค้าทั่วไป (ทุกคนจะอยากให้เราแลกเงิน)
– ใครที่ช่วงสงกรานต์ยังเก็บซองกันน้ำไว้ เอาไปใช้ด้วยนะ จะได้ไม่ต้องซื้อใหม่ และใครที่เอากระเป๋ากันน้ำไป อย่าวางใจนะ เที่ยวบลูลากูนจุ่มลงน้ำไปทั้งใบเลยไม่ได้นะ แบบแตะๆก็ไม่ได้นะ ไอแพตพังมาแล้วจ้า TT
– อย่าลืมเอาห่วงยางไปนะ ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าเราจะเอาไปเอง : )
– ใครห่วงไม่มีเน็ตอัพอวดเพื่อน ซื้อซิมเน็ตโลด ที่นู่นมีขายเลยจ้า (อันนี้เราได้จากเพื่อนมาอีกที มันมีอายุอยู่ได้เป็นเดือนเลย><)
– เรื่องที่พัก ใครจองแล้วเต็ม เลือกโรงแรมใกล้ๆเลยไม่ต้องห่วง เมืองนี้เล็ก เดินนิดเดียวก็ถึงกัน
– ใครทานก๋วยเตี๋ยวหรืออาหารที่มีเครื่องปรุง อย่าเผลอตักผงชูรสปรุงซะเยอะนะ ดูดีๆ น่าตามันคล้ายน้ำตาล อิอิ